ความเชื่อมโยงของ Mufasa: The Lion King กับผลงานในอดีตของ แบร์รี่ เจนกินส์

การที่ แบร์รี่ เจนกินส์ ผู้กำกับชื่อดังจากภาพยนตร์ดราม่าที่ได้รับการยกย่องอย่าง Moonlight และ If Beale Street Could Talk มาทำหน้าที่กำกับ Mufasa: The Lion King ถือเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองสไตล์ดูเหมือนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จุดเด่นของผลงานก่อนหน้าของแบร์รี่ เจนกินส์

  • การเล่าเรื่องที่เน้นอารมณ์: ผลงานของเจนกินส์มักจะเน้นการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ผ่านการใช้ภาพและบทพูดที่กินใจ
  • การสำรวจประเด็นทางสังคม: ภาพยนตร์ของเขาหลายเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงประเด็นทางสังคมที่สำคัญ เช่น การเหยียดสีผิว อัตลักษณ์ และความสัมพันธ์ในครอบครัว
  • สไตล์ภาพที่สวยงาม: เจนกินส์ให้ความสำคัญกับภาพที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างอารมณ์ของเรื่องราว

ความเชื่อมโยงกับ Mufasa: The Lion King

แม้ว่า Mufasa: The Lion King จะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเกี่ยวกับสิงโต แต่ก็มีหลายองค์ประกอบที่สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์การทำงานของเจนกินส์

  • การสำรวจความสัมพันธ์: ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมูฟาซาและสการ์ ซึ่งเป็นแกนหลักของเรื่องราวใน The Lion King ฉบับดั้งเดิม เจนกินส์จะนำเสนอความสัมพันธ์นี้ในมุมมองที่ลึกซึ้งและซับซ้อนมากขึ้น
  • การเน้นอารมณ์: เช่นเดียวกับผลงานก่อนหน้า เจนกินส์จะเน้นการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครสิงโตให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเรื่องราว
  • การใช้ภาพที่สวยงาม: ภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างภาพที่สวยงามและสมจริง เพื่อให้ผู้ชมได้ดื่มด่ำกับโลกของสิงโต
เรื่องราวต้นกำเนิดของ มูฟาซา และ สการ์ สองพี่น้องที่ทำข้อตกลงระหว่างกันเกี่ยวกับการขึ้นเป็นเจ้าป่าแห่ง Pridelands โดยจะเริ่มเล่าตั้งแต่ยุคที่มูฟาซาเป็นแค่สิงโตในฝูง จนกระทั่งฝ่าฟันสู่ตำแหน่งเจ้าป่าได้ในที่สุด

ถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่ไม่น้อยที่ แบร์รี่ เจนกินส์ ตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับของภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน Mufasa: The Lion King หรือ มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง เพราะว่าก่อนหน้านี้ ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา ทั้ง Moonlight (2016) หรือ มูนไลท์ และ If Beale Street Could Talk (2018) หรือ บีล…เส้นทางรักสองเรา ต่างเป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องชาวของชีวิตคนดำ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไปจากการเติบโตของเหล่าสิงโตเป็นอย่างมาก

“ในการที่จะสร้างครอบครัว มูฟาซา ได้เรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นไปให้ไกลกว่ากรอบของเขา ไกลจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขา”
“ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน มองเห็นว่าคนอื่น ๆ จะทำอย่างไรในสถานการณ์ที่อาจจะดูน่ากลัวสำหรับเขา เขาเรียนรู้ด้วยการอยู่ในสังคม ไม่ใช่อยู่ภายนอก ซึ่งเหมือนกับพวกเราทุกคนนั่นแหละ”

แต่ในการให้สัมภาษณ์กับล่าสุดกับทางนิตยสาร เอ็มไพร์ ผู้กำกับชาวอเมริกันก็ได้ออกมาพูดถึงความคล้ายคลึงของ มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง กับภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ ของเขา ว่าถึงแม้มันจะมีความแตกต่างในเรื่องของรูปแบบมากแค่ไหน แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นในเรื่องของครอบครัวและการเติบโต

“ครอบครัวที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างตัวละครที่ภายหลังเรารู้จักกันในชื่อของ สการ์ และ มูฟาซา และอีกหนึ่งครอบครัวก็คือครอบครัวที่ มูฟาซา สร้างและเติบโตขึ้นมาพร้อมกันตลอดช่วงเวลาของหนัง”

“ทั้งสองสิ่งนี้เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับผลงานในอดีตที่ผมเคยทำมา โดยเฉพาะเรื่องราวของผู้ชายสองคนที่พยายามจะพูดคุยกับอีกฝ่าย และขบคิดถึงสถานะที่แท้จริงของมิตรภาพ หรือความเป็นพี่น้องของพวกเขา”

มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง จะเป็นไลฟ์แอ็กชันภาคย้อนอดีตของ The Lion King (2019) หรือ เดอะ ไลอ้อน คิง ของผู้กำกับ จอน ฟาฟโรว์ โดยมันจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของ มูฟาซา และ สการ์ ในตอนที่ทั้งสองยังเป็นเพียงสิงโตตัวน้อยที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันในฐานะของพี่น้อง

สรุป

การที่แบร์รี่ เจนกินส์ มาร่วมงานกับ Mufasa: The Lion King ทำให้เราได้เห็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างโลกของสิงโตกับวิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่เชี่ยวชาญด้านดราม่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการตีความใหม่ที่น่าสนใจของเรื่องราวคลาสสิกที่เราต่างรู้จักกันดี

Mufasa: The Lion King หรือ มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 19 ธันวาคม ที่จะถึงนี้

คำสำคัญ:หนังน่าดู ,หนังดีหนังดัง ,หนังออนไลน์ ,หนังการ์ตูน ,อนิเมะ ,Action Thriller ,หนังระทึกขวัญ ,SICARIO ,หนังดัง ,หนังติดชาจ ,ดูหนัง

หนัง #หนังน่าดู #หนังดีหนังดัง #การ์ตูน #คลายเครียด #อนิเมะ #Mufasa #Mufasa #thelioking #MufasaThelionking #lion #Disney #Movie

เว็บดูหนังออนไลน์ 24 ชั่วโมง หรือ เข้ากลุ่ม Telegram ฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *